Rancis Fluggerbutter เป็นตัวละครรองในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องWreck-It Ralphของดิสนีย์ ใน ปี 2012และภาคต่อในปี 2018 เขาเป็นหนึ่งในนักแข่งจากSugar Rush โดยมีธีมขนม ที่เกี่ยวข้องกับReese’s Peanut Butter Cups ร่วมกับCandleheadเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของTaffyta Muttonfudge
แรนซิสพบเห็นแรนซิสแข่งรถเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงมอบเหรียญทองให้คิงแคนดี้แต่ถูกรบกวนจากการมาถึงของ วาเนโล ปี้ คิงแคนดี้พยายามจับกุมเธอ แต่Wreck-It Ralphทำให้ผู้คุมเสียสมาธิ Taffyta เรียกRancisและเขาพร้อมกับนักแข่งคนอื่นๆ กลุ่มใหญ่ ตาม Vanellope ไปที่ลานเก็บขยะที่พวกเขาเห็นรถแข่งโกคาร์ทของเธอ
หลังจากล้มเหลวในการโน้มน้าวให้เธอไม่ลงแข่ง Rancis ก็เริ่มเตะรถโกคาร์ทของเธอ และนักแข่งคนอื่นๆ ก็เริ่มทำลายล้างรถโกคาร์ท ในขณะที่ Taffyta ตะโกนใส่ Vanellope และโยนเธอลงไปในแอ่งโคลน ราล์ฟออกมาและพุ่งเข้าใส่พวกเขา ส่วนแรนซิสและนักแข่งคนอื่นๆ ก็กระโดดขึ้นรถโกคาร์ทแล้วขับออกไป
Rancis Fluggerbutter บุคลิกภาพ
ดูเหมือนว่า Rancis จะทุ่มเทอย่างมากในความพยายามของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง Vanellope หรือการแข่งเพื่อชิง Sugar Rush Cup บ่อยครั้งที่มีผู้พบเห็น Rancis มองตัวเองในกระจกมองหลังหรือกำลังแต่งหน้า เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เขามักจะแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ยหรือย่ามใจ บ่งบอกว่าเขาค่อนข้างเป็นคนถือตัวและถือว่าคนอื่นเป็นแหล่งความสนุก ในOne Sweet Raceด้านที่อ่อนโยนของ Rancis จะถูกเปิดเผยเมื่อเขาตกเป็นเหยื่อของการแกล้งของ Taffyta ด้วยความมุ่งมั่นที่จะคว้าถ้วยรางวัล Rancis จึงลงเอยด้วยการขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อซื้อรถโกคาร์ทชั้นยอด
ตัวละครของเขามีรายละเอียดมากขึ้นในOne Sweet Raceเนื่องจากเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยชนะการแข่งขัน Sugar Rush Cup เลย และทำงานอย่างหนักเพื่อคว้าชัยชนะมาได้ แม้กระทั่งขายข้าวของทั้งหมดเพื่อไปซื้อเบเกอรี่ รถโกคาร์ทที่ดีที่สุดที่มีอยู่ แต่ดันพังเพราะไม่มีประสบการณ์ เขาแสดงให้เห็นในแง่ที่เห็นอกเห็นใจมากขึ้นในฐานะคนที่ทำงานหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อาจรู้สึกอ่อนไหวเมื่อเขาเจ็บปวดจากคำพูดของ Taffyta เกี่ยวกับว่าเขาไม่สามารถชนะถ้วย Sugar Rush ได้ และเป็นคนที่ทำงานหนักโดยที่เขาไม่ให้ ในการพยายามที่จะชนะ
บทความโดย : แทงบอลออนไลน์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *